วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สารบัญ

การจับกุมเด็กและเยาวชน
-  คำสั่ง ตร. กำชับการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน
-  การจับกุมเด็ก
-  การควบคุมและขอผัดฟ้องฝากขังเด็ก

การสอบสวนเด็กและเยาวชน
-  อำนาจสอบสวนกรณีผู้เยาว์เป็นผู้เสียหาย
-  เมื่อพนักงานสอบสวนรับเด็กมาสอบปากคำ
-  การถามปากคำเด็ก ตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ

การดำเนินคดีเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี

คดีความรุนแรงในครอบครัว
-  ความหมาย:ความรุนแรงในครอบครัว
-  การสอบสวนคดีความรุนแรงในครอบครัว
-  วิธีคุ้มครองสวัสดิภาพผู้ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัว (โดยย่อ)

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-  เรื่องของอายุเด็ก
-  กำหนดเวลาเล่นเกมของเด็กในร้านวิดิทัศน์
-  การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คำสั่ง ตร. กำชับการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน

ด่วนที่สุด                                                    บันทึกข้อความ
ส่วนราชการ               ตร.                                                                   โทร.  ๐ ๒๒๐๕ ๓๔๗๒
ที่          ๐๐๑๑.๒๕/๒๐๕๖                                                                 วันที่   ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔
เรื่อง     แนวทางปฎิบัติตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
 ผบช.น.,ภ.๑-๙,ศชต.,ก.,ปส.,สตม.,สนว.,กมค. และ จตร.(หน.จต.)

               ด้วยได้มีพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ ใช้บังคับ โดยยกเลิกพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๓๔ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๓ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๔๘ พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวนี้มีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพและวิธีปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชนและบุคคลในครอบครัวรวมทั้งกระบวนการพิจารณาของศาลเยาวชนและครอบครัว เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเป็นสำคัญและได้มีบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจและพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับการปฎิบัติต่อเด็กหรือเยาวชนที่ถูกจับกุมหรือดำเนินคดีอาญาหลายกรณี
              ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติของเจ้าพนักงานตำรวจและพนักงานสอบสวนเป็นไปโดยถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวจึงกำหนดแนวทางปฎิบัติไว้ดังนี้
             ๑. บททั่วไป
                 ๑.๑ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มีผลใช้ บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
                 ๑.๒ คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลเยาวชนและครอบครัว ได้แก่
                        (๑) คดีอาญาใด ๆ ที่มีข้อกล่าวหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด
                        (๒) คดีอาญาที่มีข้อกล่าวหาว่าผู้ใหญ่ (อายุ ๑๘ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐
                 ๑.๓ คดีอาญาใด ๆ ที่มีข้อกล่าวหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิดและคดีอาญาที่มีข้อกล่าวหาว่าผู้ใหญ่กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐  แม้การสอบสวนผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพตลอดข้อหาก็ตาม พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจะต้องทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังพนักงานอัยการ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลด้วยวาจาโดยไม่ทำการสอบสวนไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๗๘ วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๘ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติไว้ในทำนองเดียวกันว่า ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนและส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมทั้งความเห็นไปยังพนักงานอัยการ
             ๒. การจับกุมและการควบคุมเด็กหรือเยาวชน
                  ๒.๑ ห้ามมิให้จับกุมเด็กซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด เว้นแต่ เด็กนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือมีหมายจับหรือคำสั่งของศาล
                  การจับกุมเยาวชนซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
                ๒.๒ ห้ามมิให้ควบคุม คุมขัง กักขัง หรือใช้มาตรการอื่นใดอันมีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด เว้นแต่มีหมายหรือคำสั่งของศาลหรือเป็นกรณีการคุมตัวเท่าที่จำเป็นเพื่อดำเนินการนำตัวเด็กหรือเยาวชนไปศาลเพื่อตรวจสอบการจับกุม

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กำหนดเวลาเล่นเกมของเด็กในร้านวีดิทัศน์

พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑
            มาตรา ๕๓  ห้ามผู้ใดจัดตั้งหรือประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
              ใบอนุญาตนั้น ให้ออกสำหรับร้านวีดิทัศน์แต่ละแห่ง
              การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
              ความในวรรคหนึ่งมิให้นำมาใช้บังคับแก่การประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ที่ตั้งอยู่ในสถานบริการที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
              เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองเด็กและเยาวชน การออกกฎกระทรวงตามวรรคสามจะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอาคารหรือสถานที่ตั้งของร้านวีดิทัศน์ด้วยก็ได้
             มาตรา ๕๙  การประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์จะต้องกระทำในวัน เวลา และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
             เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองเด็กและเยาวชน การออกกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งจะกำหนดเวลาในการเข้าใช้บริการของผู้ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะโดยการสมรสด้วยก็ได้
             มาตรา ๗๑  ในกรณีที่ปรากฏแก่นายทะเบียนว่าผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๕๓ ประกอบกิจการโดยฝ่าฝืนมาตรา ๕๙ หรือมาตรา ๖๐ ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้โดยมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินครั้งละเก้าสิบวัน
              ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งประกอบกิจการโดยฝ่าฝืนมาตรา ๕๙ หรือมาตรา ๖๐ อีกให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของผู้รับใบอนุญาตดังกล่าว
             มาตรา ๘๒  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕๓ วรรคหนึ่ง มาตรา ๕๔ วรรคหนึ่ง หรือประกอบกิจการดังกล่าวในระหว่างถูกพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่

กฎกระทรวง ว่าด้วย การอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๒
              อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๕๓ วรรคสาม มาตรา ๕๖ และมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑
              ข้อ ๑  ในกฎกระทรวงนี้
               “เครื่องมือสำหรับฉายหรือเล่นวีดิทัศน์” หมายความว่า ชุดของเครื่องมือและอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใดที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถฉาย เล่น หรือดูวีดิทัศน์ได้
               หมวด ๒  การประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์
               ข้อ ๑๒  ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ที่ให้บริการเกมการเล่น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
               (๑) ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าปีเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา แต่ไม่เกิน ๒๐.๐๐ นาฬิกา ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา แต่ไม่เกิน ๒๐.๐๐ นาฬิกา ในวันหยุดราชการ หรือในระหว่างปิดภาคการศึกษาตามระยะเวลาที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
               (๒) ให้เด็กอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไปแต่ไม่เกินสิบแปดปีเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา แต่ไม่เกิน ๒๒.๐๐ นาฬิกา ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา แต่ไม่เกิน ๒๒.๐๐ นาฬิกา ในวันหยุดราชการ หรือในระหว่างปิดภาคการศึกษาตามระยะเวลาที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด
               (๓) มีวัสดุหรืออุปกรณ์ที่ใช้กับเครื่องมือสำหรับฉายหรือเล่นวีดิทัศน์ซึ่งเหมาะสมต่อการถนอมสายตา
               (๔) มีระบบหรือวัสดุป้องกันเสียงและความสั่นสะเทือนไม่ให้เกินค่าระดับเสียงรบกวนตามที่กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนด
               (๕) ดูแลมิให้มีการจำหน่ายบุหรี่ สารเสพติด หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้านวีดิทัศน์
               (๖) ดูแลมิให้มีการสูบบุหรี่ เสพสารเสพติด หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ภายในร้านวีดิทัศน์
               (๗) ดูแลมิให้มีการเล่นการพนันภายในร้านวีดิทัศน์
               (๘) ดูแลมิให้มีการจำหน่ายหรือฉายภาพยนตร์ตามมาตรา ๒๖ (๖) และ (๗) ภายในร้านวีดิทัศน์
               (๙) ดูแลมิให้มีสื่อลามกอนาจารภายในร้านวีดิทัศน์
               (๑๐) ดูแลมิให้มีการจำหน่ายหรือฉายวีดิทัศน์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ตามมาตรา ๔๗ ภายในร้านวีดิทัศน์ความในวรรคหนึ่ง (๒) ไม่ใช้บังคับกับผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะโดยการสมรส

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖
             มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
             “เด็ก” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
             “นักศึกษา” หมายความว่า เด็กซึ่งกำลังรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่าอยู่ในสถานศึกษาของรัฐหรือเอกชน
             “นักเรียน” หมายความว่า เด็กซึ่งกำลังรับการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทั้งประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษาหรือเทียบเท่าอยู่ในสถานศึกษาของรัฐหรือเอกชน
             “บิดามารดา” หมายความว่า บิดามารดาของเด็กไม่ว่าจะสมรสกันหรือไม่
             “ผู้ปกครอง” หมายความว่า บิดามารดา ผู้อนุบาล ผู้รับบุตรบุญธรรม และผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้หมายความรวมถึง พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง ผู้ปกครองสวัสดิภาพ นายจ้าง ตลอดจนบุคคลอื่นซึ่งรับเด็กไว้ในความอุปการะเลี้ยงดูหรือซึ่งเด็กอาศัยอยู่ด้วย

             “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
             หมวด ๗  การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
             มาตรา ๖๓  โรงเรียนและสถานศึกษา ต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้คำปรึกษาและฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง เพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
            มาตรา ๖๔  นักเรียนและนักศึกษา ต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา และตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
            มาตรา ๖๕  นักเรียนหรือนักศึกษาผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๖๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด และมีอำนาจนำตัวไปมอบแก่ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น เพื่อดำเนินการสอบถามและอบรมสั่งสอนหรือลงโทษตามระเบียบ ในกรณีที่ไม่สามารถนำตัวไปมอบได้จะแจ้งด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้
            เมื่อได้อบรมสั่งสอนหรือลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา แจ้งให้ผู้ปกครองว่ากล่าวตักเตือนหรือสั่งสอนเด็กอีกชั้นหนึ่ง
            การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา ให้กระทำเท่าที่สมควรเพื่อการอบรมสั่งสอนตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด
           มาตรา ๖๖  พนักงานเจ้าหน้าที่ตามหมวดนี้ มีอำนาจดำเนินการเพื่อส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ดังต่อไปนี้
            (๑)  สอบถามครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษา เกี่ยวกับความประพฤติการศึกษา นิสัยและสติปัญญาของนักเรียนหรือนักศึกษาที่ฝ่าฝืนมาตรา ๖๔
            (๒)  เรียกให้ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ หรือหัวหน้าสถานศึกษาที่นักเรียนหรือนักศึกษานั้นกำลังศึกษาอยู่มารับตัวนักเรียนหรือนักศึกษา เพื่อว่ากล่าวอบรมสั่งสอนต่อไป
            (๓)  ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในเรื่องการอบรมและสั่งสอนนักเรียนหรือนักศึกษา
            (๔)  เรียกผู้ปกครองมาว่ากล่าวตักเตือน หรือทำทัณฑ์บนว่าจะปกครองดูแลมิให้นักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนมาตรา ๖๔ อีก
            (๕)  สอดส่องดูแลรวมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลหรือแหล่งที่ชักจูงนักเรียนหรือนักศึกษาให้ประพฤติในทางมิชอบ
            (๖)  ประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหมวดนี้

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การขอผัดฟ้องเด็กหรือเยาวชนกรณีฟื้นฟูฯ ไม่ผ่าน

คำพิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพะเยา 
คดีหมายเลขดำที่ ๕๗/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ ๖๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๘ ก.ค.๒๕๕๘
คดีความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
              พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องเยาวชนเป็นจำเลยว่ามียาเสพติดให้โทษชนิดเมทแอมเฟตามีน จำนวน ๒ หน่วยการใช้ น้ำหนัก ๐.๑๓๖ กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๕ ส.ค.๒๕๕๗ เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในวันที่ ๖ ส.ค.๒๕๕๘ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการจับ แล้วศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์ในวันเดียวกัน
             แม้ในระหว่างการควบคุมเพื่อตรวจพิสูจน์จะยังไม่นับรวมระยะเวลาที่กำหนดให้พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอผัดฟ้องตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๗๘ วรรคหนึ่ง ถึงวรรคสาม (มาตรา ๗๘ "เมื่อมีการจับกุมเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดตามมาตรา ๖๙ วรรคหนึ่ง หรือกรณีเด็กหรือเยาวชนปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่งให้พนักงานสอบสวนรีบดำเนินการสอบสวน และส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมทั้งความเห็นไปยังพนักงานอัยการ เพื่อให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวให้ทันภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เด็กหรือเยาวชนนั้นถูกจับกุมหรือปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวน แล้วแต่กรณี
            ในกรณีความผิดอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินหกเดือนแต่ไม่เกินห้าปี ไม่ว่าจะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม หากเกิดความจำเป็นไม่สามารถฟ้องเด็กหรือเยาวชนนั้นต่อศาลได้ทันภายในระยะเวลาดังกล่าวในวรรคหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอผัดฟ้องต่อไปได้อีกครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินสองครั้ง
            ในกรณีความผิดอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินห้าปีไม่ว่าจะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องครบสองครั้งแล้ว หากพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอผัดฟ้องต่อไปอีก โดยอ้างเหตุจำเป็น ศาลจะอนุญาตตามคำขอนั้นได้ต่อเมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการได้แสดงถึงเหตุจำเป็นและนำพยานมาเบิกความประกอบจนเป็นที่พอใจแก่ศาล ในกรณีเช่นว่านี้ศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผัดฟ้องต่อไปได้อีกครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินสองครั้ง") ก็ตาม
            แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย.๒๕๕๗ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดได้มีคำสั่งส่งตัวจำเลยคืนไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการต่อไป ดังนั้น ระยะเวลาผัดฟ้องของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการจึงดำเนินการต่อไป ดังนั้น ระยะเวลาผัดฟ้องของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการจึงเริ่มนับต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ดังกล่าวต่อไป คงเหลืออีก ๒๙ วัน
            ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอผัดฟ้องภายใน ๒๙ วัน นับแต่วันที่ ๑๓ พ.ย.๒๕๕๗ จึงถือว่าพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมิได้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องภายในเวลาที่กำหนด และพนักงานอัยการก็ไม่ได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลาตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๘๐ มีผลทำให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
            แม้จะได้ความตามฟ้องของโจทก์ว่า พนักงานสอบสวนสามารถติดตามตัวจำเลยได้เมื่อวันที่ ๑๓ มิ.ย.๒๕๕๘  และผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบกับคำสั่งไม่ฟ้องเมื่อวันที่ ๑ ก.ค.๒๕๕๘ ก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ไม่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาผัดฟ้องแต่อย่างใด

           ข้อสังเกต
            -  เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจทำการทดสอบปัสสาวะของเด็กหรือเยาวชน แล้วพบว่ามีการเสพยาเสพติดให้โทษชนิดเมทแอมเฟตามีนมาก่อน โดยเจ้าพนักงานตำรวจไม่เห็นขณะเด็กหรือเยาวชนขณะกำลังเสพยาเสพติดที่ถือว่าเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า กรณีนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โดยทั่วไปเจ้าพนักงานตำรวจจะไม่จับกุมเด็กหรือเยาวชนในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ แต่เนื่องจากในคดีนี้ เยาวชนเป็นผู้ต้องหาได้ครอบครองยาเสพติดให้โทษด้วย จึงถือว่าเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า
           -  เชื่อว่า คดีนี้หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ควบคุมระหว่างตรวจพิสูจน์ ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไปแล้ว แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจติดตามตัวผู้ต้องหานั้นมามอบคืนให้พนักงานสอบสวนได้ ในวันที่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูฯ ได้มีคำสั่งส่งตัวผู้ต้องหาคืนไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป(วันที่ ๑๓ พ.ย.๒๕๕๗) ต่อมาวันที่ ๑๓ มิ.ย.๒๕๕๘ พนักงานสอบสวนจึงสามารถติดตามตัวได้ พนักงานอัยการจึงได้ทำความเห็นสั่งไม่ฟ้องบางข้อหาส่งสำนวนการสอบสวนไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จนกระทั่งวันที่ ๑ ก.ค.๒๕๕๘ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงเห็นชอบกับคำสั่งไม่ฟ้อง(ในข้อหาเสพฯ) แต่พนักงานอัยการสั่งฟ้องในข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองฯ ซึ่งขั้นตอนการทำความเห็นของพนักงานอัยการและของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ไม่เป็นเหตุให้ยกเว้นหรือเกี่ยวข้องกับระยะเวลาการผัดฟ้องแต่อย่างใด
          -  นับแต่วันที่ผู้ต้องหาถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ตรวจสอบการจับและขอให้ศาลส่งตัวจำเลยไปตรวจพิสูจน์ด้วย ต่อมาปรากฏว่า คณะอนุกรรมการฟื้นฟูฯ ได้มีคำสั่งส่งตัวจำเลยคืนไปยังพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการต่อไป แต่ไม่มีตัวจำเลยส่งคืนมาให้ด้วย กรณีนี้ พนักงานสอบสวนต้องยื่นคำร้องขอผัดฟ้องภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่เด็กหรือเยาวชนนั้นถูกจับกุม ตามมาตรา ๗๘ วรรคหนึ่ง วิธีการนับระยะเวลาในคดีนี้ จึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่เยาวชนถูกจับเป็น ๑ วัน แต่ไม่นับรวมระยะเวลาควบคุมเพื่อตรวจพิสูจน์ไปด้วย ระยะเวลาจึงเหลืออยู่ ๒๙ วัน โดยให้เริ่มนับต่อเนื่องต่อไปในวันที่คณะอนุกรรมการฟื้นฟูฯ ได้มีคำสั่งส่งตัวจำเลยคืนไปยังพนักงานสอบสวน
           -  เมื่อครบกำหนด ๓๐ วัน ดังกล่าวแล้ว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณี จะต้องยื่นคำร้องขอผัดฟ้องต่อศาล แม้ว่าไม่มีตัวผู้ต้องหาก็ตาม หากผัดฟ้องจนครบกำหนด ๒ ครั้ง หรือ ๔ ครั้ง ตามมาตรา ๗๘ วรรคสองและวรรคสามแล้วแต่กรณี แล้วยังไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหามาฟ้องได้ทัน ก็ต้องขาดผัดฟ้องไปตามกฎหมาย กรณีนี้ หากได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องในภายหลัง พนักงานอัยการก็ต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลตามมาตรา ๘๐ (มาตรา ๘๐ "ห้ามมิให้พนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๗๘ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุด") ไม่เช่นนั้น จะถือว่าพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง